วันที่ 17 มิถุนายน 2568 นายสมควร ไชยมหา เกษตรจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยนางสาวปานทิพย์ วงษ์แก้ว เกษตรอำเภอนครไทย เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอนครไทย ร่วมให้การต้อนรับ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะ และ นางสาวนฤมล สงวนวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 17 ในการลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ อ่างเก็บน้ำห้วยทรายใต้ ตำบลห้วยเฮี้ย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
ในโอกาสนี้ องคมนตรีได้รับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของโครงการฯ จาก นางจิรนันท์ วาสุเทพรังสรรค์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก ที่รายงานถึงความสำเร็จของการส่งเสริมการเพาะปลูกในพื้นที่โครงการ และการบริหารจัดการน้ำเพื่อใช้ในภาคการเกษตร รวมถึงเพื่ออุปโภคบริโภคของราษฎรในพื้นที่
จากนั้น องคมนตรีได้มอบเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานแก่ผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำ จำนวน 2 ชุด พบปะพูดคุยกับเกษตรกรในพื้นที่ เยี่ยมเยียนราษฎร และร่วมปล่อยพันธุ์ปลาลงสู่อ่างเก็บน้ำห้วยทรายใต้ สร้างขวัญและกำลังใจแก่ประชาชนผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ
ในโอกาสนี้ สำนักงานเกษตรอำเภอนครไทย ยังได้ร่วมกันจัดนิทรรศการแสดงผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่บ้านห้วยทรายเหนือ อาทิ ข้าวไร่ กะหล่ำปลี อโวคาโด ขิง มะเขือ และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาพื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำฯ ตามแนวพระราชดำริอย่างยั่งยืน
โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยทรายใต้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เริ่มต้นจากพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 เพื่อช่วยเหลือราษฎรชาวไทยภูเขาในพื้นที่ขาดแคลนน้ำ โดยมีการก่อสร้างและแล้วเสร็จในปี 2531 เป็นทำนบดินยาว 116.5 เมตร ความสูง 13 เมตร ความจุ 670,000 ลูกบาศก์เมตร ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรได้ 1,000 ไร่ และให้บริการน้ำแก่ราษฎร 340 ครัวเรือน รวมกว่า 1,500 คน
ต่อมาในปี 2561 กรมชลประทานได้ปรับปรุงระบบส่งน้ำของอ่างฯ ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ช่วยส่งน้ำเพิ่มเติมให้พื้นที่การเกษตรได้อีก 300 ไร่ พร้อมจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำในชุมชนเพื่อบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนและฤดูแล้งอย่างมีประสิทธิภาพ
การลงพื้นที่ติดตามงานครั้งนี้ถือเป็นการขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จในการน้อมนำแนวพระราชดำริไปสู่การปฏิบัติจริง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน







